วันพฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2554

จะไปสอบ มอ ว

เหอๆๆ เค้าเคยบอกว่า จะสอบให้ได้ ตอนที่พลาดสมัยที่จะสอบเข้า ม 1
ตอนนี้ อีกเพียง 1 ปี ก็จะต้องเข้า ม 4 แล้ว
มอ ว เปิดโอกาสให้ลองสอบเข้าดู ด้วยบรรยากาศ และข้อสอบจริง

แล้วจะได้รู้ว่าต้องปรับปรุงตัวเองอีกแค่ไหน

เอาใจช่วยนะลูกพ่อ...

วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2554

เสาร์นี้ 24 ธค 54 นัทจะไปลองสอบ มอ ว

เหอๆๆ เค้าเคยบอกว่า จะสอบให้ได้ ตอนที่พลาดสมัยที่จะสอบเข้า ม 1
ตอนนี้ อีกเพียง 1 ปี ก็จะต้องเข้า ม 4 แล้ว
มอ ว เปิดโอกาสให้ลองสอบเข้าดู ด้วยบรรยากาศ และข้อสอบจริง

แล้วจะได้รู้ว่าต้องปรับปรุงตัวเองอีกแค่ไหน

เอาใจช่วยนะลูกพ่อ...

วันพุธที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เซ็ง

ก็เรื่องเดิมๆที่เค้าเป็น ถ้าไม่ใส่ใจก็ไม่ได้ มึนหัวจากกาแฟ? เป็นไปได้ไหม สายตาล่ะ นอนไม่พอหรือ หรือว่าทั้งหมดนี้ไม่เคยเกิดขึ้นเลย ไม่เข้าใจ จริงๆ

iPhone. 4 manuwit

วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2554

พ่อ...





เรื่องราวคนขายเต้าหู้ คือพ่อฉันผู้เป็นใบ้

เรื่องจริงที่เปี่ยมด้วยความเป็นมนุษย์ เกิดขึ้นในจีนแผ่นดินใหญ่

ตอนเหนือของมณฑลเหลียวหนิง ประเทศจีน มีเมืองขนาดกลาง ชื่อว่า เทือกเหล็ก เกือบทุกเช้าตรู่หรือพลบค่ำ บนท้องถนนกรรมกร จะเห็นผู้เฒ่าเข็นรถขายเต้าหู้เคลื่อนไปอย่างช้าๆ ลำโพงที่ต่อกับแบตเตอรี่บนรถ กระจายเสียงใสของหญิงสาว

?เต้าหู้มาแล้วจ้า เต้าหู้อ่อนสูตรโบราณ เต้าหู้อร่อยจ้า ? เสียงนี่เป็นของฉัน คนขายคือพ่อฉัน พ่อฉันเป็นใบ้?

ตราบถึงวันนี้อายุกว่ายี่สิบแล้ว ฉันจึงใจกล้าพอที่จะบันทึกเสียงตัวเองไว้บนรถขายเต้าหู้ของพ่อ แทนกริ่งทองเหลืองที่พ่อเขย่ามาหลายสิบปี อายุแค่ 2-3 ขวบ ฉันก็รู้จักว่ามีพ่อเป็นใบ้น่าอัปยศเพียงใด ดังนั้นฉันจึงเกลียดชังพ่อแต่เล็ก เมื่อฉันเห็นเด็กบางคนถูกแม่สั่งให้มาซื้อเต้าหู้ กลับหยิบเต้าหู้ไปโดยไม่จ่ายเงิน พ่อโก่งคอยาวแต่ไม่อาจตะเบ็งเสียงออกมา ฉันไม่อาจทำเหมือนพี่ชายที่ไล่ตามไปต่อยเด็ก ได้แต่เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่ปริปาก ฉันไม่ชังเด็กคนนั้น แต่กลับชังพ่อที่เป็นใบ้

ถึงแม้ว่าทุกครั้งที่พี่ชายช่วยหวีผมให้และเจ็บจนต้องสูดปากซี๊ด ฉันก็แข็งใจไม่ยอมให้พ่อถักผมเปีย ตอนที่แม่เสียไม่ได้เก็บรูปถ่ายบานใหญ่ไว้ มีเพียงรูปขาวดำขนาด 2 นิ้วที่ถ่ายร่วมกับสาวเพื่อนบ้านก่อนแต่งงาน เมื่อพ่อถูกฉันเมินเฉย ก็มักจะหันกระจกเงากลับมาดูรูปแม่อีกด้านหนึ่ง เพ่งจนนานพอแล้ว ค่อยจากไปทำงานอย่างซึมเซา

น่าโมโหที่สุดคือเด็กคนอื่นเรียกฉันว่า อีใบ้สาม (ฉันเป็นลูกคนเล็กอยู่อันดับสาม) ฉันจะวิ่งกลับบ้านเมื่อด่าสู้พวกเด็กไม่ได้ ต่อหน้าพ่อที่กำลังโม่เต้าหู้อยู่ ฉันเขียนวงกลมบนพื้น แล้วถ่มน้ำลายที่ตรงกลาง ถึงแม้ฉันไม่เข้าใจว่าที่ตนทำนั้นหมายความว่าอย่างไร แต่ก็ทำเช่นนี้เมื่อถูกเด็กด่าว่าฉันคิดว่า นี่คงเป็นการแสดงคำด่าคนใบ้ที่ร้ายกาจที่สุดแล้ว ครั้งแรกที่ฉันด่าพ่อด้วยวิธีนี้ ทำให้พ่อต้องหยุดงานในมือ มองดูฉันอย่างงุนงง น้ำตาไหลนองหน้าอยู่นาน น้อยครั้งที่ฉันเห็นพ่อร้องไห้ แต่วันนั้นพ่อขดตัวในโรงเต้าหู้ร้องไห้ตลอดทั้งคืน เป็นการสะอึกสะอื้นที่ไม่ส่งเสียงดัง เพราะเห็นพ่อหลั่งน้ำตา ฉันจึงดูเหมือนหาทางออกให้กับความน้อยใจของฉันได้ในที่สุด ดังนั้น ต่อจากนั้นเป็นต้นมา ฉันมักจะไปด่าพ่อต่อหน้าต่อตาแล้วเดินหนี ปล่อยให้พ่องงเป็นไก่ตาแตก ทว่าพ่อไม่หลั่งน้ำตาอีกแล้ว แต่จะขดตัวที่ผอมเซียวให้ลีบเล็กลง พิงกับคานโม่ หรือจานโม่ ดูน่าเกลียดยิ่งในสายตาฉัน ฉันต้องเรียนหนังสือให้ดี เพื่อเข้ามหาวิทยาลัย พ้นจากหมู่บ้านเล็กที่ใครๆก็รู้ว่าพ่อฉันเป็นใบ้ นี่เป็นความปรารถนาใหญ่ยิ่งของฉันในขณะนั้น

ฉันไม่รู้ว่าพี่ชายสองคนมีเหย้าเรือนได้อย่างไร ไม่รู้ว่าโรงเต้าหู้นั้นพ่อเปลี่ยนคานโม่ใหม่อีกกี่ด้าม ไม่รู้ว่ากริ่งทองเหลืองลั่นจนริมขอบสึก ผ่านไปแล้วกี่ฤดูกาลกี่ตำบลหมู่บ้าน รู้เพียงว่าฉันปฏิบัติต่อตนอย่างเคืองแค้น เรียนหนังสืออย่างบ้าคลั่ง ในที่สุดฉันก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้

เสื้อม่อฮ่อมกรมท่าซึ่งอาโกวตัดเย็บให้ตั้งแต่ปี 1979 พ่อเพิ่งเอามาใส่เป็นครั้งแรกในต้นฤดูใบไม้ร่วงปี 1992 ท่ามกลางแสงตะเกียงในยามค่ำ พ่อหน้าตาชื่นบานขณะยัดธนบัตรกำใหญ่ซึ่งยังติดกลิ่นคาวเต้าหู้ไว้ที่ฝ่ามือฉันอย่างพิถีพิถัน ปากก็เอะอะเออออไม่หยุดยั้ง ฉันมองดูความดีใจและภาคภูมิของพ่อโดยวางตัวไม่ถูก เหม่อมองพ่อเที่ยวแจ้งให้ญาติโยมเพื่อนบ้านทราบด้วยใบหน้ายิ้มกริ่มพอใจ เมื่อฉันเห็นพ่อพาคุณอาและพี่ๆ มาช่วยลากหมูตัวที่พ่อบรรจงขุนมา 2 ปีจนอ้วนพี ลงมือชำแหละเพื่อเลี้ยงคนทั้งหมู่บ้าน เป็นการฉลองที่ฉันเข้ามหาวิทยาลัยได้ หัวใจแข็งดุจท่อนไม้ของฉันไม่รู้ถูกอะไรสะกิดเข้า จนฉันร้องไห้โฮ


บนโต๊ะอาหาร ฉันคีบหมูหลายชิ้นให้พ่อต่อหน้าคนหลายๆคน ฉันน้ำตานองหน้า เรียกพ่อให้กินเนื้อหมู พ่อไม่ได้ยินหรอก แต่เข้าใจความหมายของฉัน นัยน์ตาพ่อฉายประกายที่ไม่เคยมีมาก่อน ดวดเหล้าเกาเหลียงที่ตวงซื้อมา พร้อมกับกินชิ้นหมูที่ลูกสาวคีบให้ พ่อคงเมาแล้ว หน้าแดงก่ำ หลังยืดตรง ส่งภาษามืออย่างองอาจ เป็นความจริงที่ว่า ผ่านมา 18 ปีเต็มๆ พ่อเพิ่งเคยเห็นรูปริมฝีปากฉันขณะเรียกพ่อเป็นครั้งแรก พ่อโม่เต้าหู้ด้วยความยากลำบาก เอาธนบัตรที่คลุกด้วยกลิ่นไอเต้าหู้ส่งเสียให้ฉันเรียนจนจบมหาวิทยาลัย


ปี 1996 ฉันเรียนจบได้รับบรรจุงานที่เทือกเหล็กห่างจากบ้านเกิด 40 กม. เมื่อจัดที่พักเรียบร้อย ฉันเดินทางไปรับพ่อผู้ใช้ชีวิตคนเดียวมาอยู่ในเมือง เพื่อรับความสุขที่ลูกสาวมอบให้แม้จะช้านานก็ตาม

ทว่าระหว่างทางนั่งแท็กซี่กลับหมู่บ้าน เกิดอุบัติเหตุขึ้น

เรื่องราวต่างๆหลังจากอุบัติเหตุ ฉันทราบจากพี่สะใภ้ เล่าให้ฟัง??? มีคนเดินทางจำได้ว่าผู้ประสบเหตุคือลูกสาวคนเล็กของเฒ่าถู ดังนั้น พี่ใหญ่พี่รอง สะใภ้ใหญ่สะใภ้รองต่างมาถึงที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว ทุกคนได้แต่ร้องไห้เมื่อเห็นฉันสลบคาที่ ทำอะไรไม่ถูก พ่อมาถึงที่เกิดเหตุเป็นคนสุดท้าย รีบช้อนร่างฉันขึ้นมาและโบกรถใหญ่ข้างทางให้หยุด ผู้คนในเหตุการณ์ต่างเห็นว่าฉันไม่รอดแน่ พ่อใช้ขายันร่างฉันไว้ แล้วใช้มือล้วงธนบัตรปึกใหญ่ออกจากกระเป๋าเสื้อ ยัดใส่มือคนขับรถ พร้อมกับขีดเขียนรูปกากบาทถี่ๆ ขอร้องให้พาส่งโรงพยาบาล พี่สะใภ้เล่าว่า พ่อแต่ไหนแต่ไรร่างกายอ่อนแอ แต่ขณะนั้นสำแดงพลังความแข็งแกร่งมหาศาลอย่างไม่น่าเชื่อ


หลังจากพยาบาลเบื้องต้นแล้ว หมอให้ย้ายไปรักษาที่โรงพยาบาลอื่น และเปรยกับพี่ๆ ว่า รักษาต่อไปก็ป่วยการเปล่า เพราะขณะนั้น ความดันโลหิตฉันเกือบวัดไม่ได้ หัวกระบาลถูกชนน่วมเป็นลูกน้ำเต้า ชุดสวมศพที่พี่ใหญ่ซื้อมาโดยเห็นว่าหมดหวังแล้วถูกพ่อฉีกทิ้ง พ่อชี้ที่ตาตัวเอง ชูหัวแม่มือ จ่อที่ขมับตัวเอง จากนั้นชูสองนิ้วชี้ที่ตัวฉัน แล้วชูหัวแม่มืออีก โบกมือแล้วหลับตา นั่นหมายความว่า พวกคุณอย่าร้องไห้ พ่อยังไม่ร้องเลย น้องสาวคุณไม่ตายหรอก เธออายุเพียง 20 กว่า ยังไหวแน่ เราช่วยชีวิตเธอได้แน่ หมอยังคงยืนยันว่าหมดทาง ให้พี่ใหญ่บอกกับพ่อว่า แม่หนูไม่รอดแน่ ถึงจะรักษาก็ต้องใช้เงินมหาศาล และยังไม่แน่ว่าจะรักษาได้

ทันใดนั้นพ่อคุกเข่าลง แล้วลุกขึ้นทันที ชี้มายังฉันพร้อมกับชูแขนสูง จากนั้นก็ทำท่าเพาะปลูก เลี้ยงหมู ถางหญ้า โม่เต้าหู้ แล้วปลิ้นกระเป๋าเสื้อซึ่งภายในว่างเปล่า พร้อมกับชูมือสองข้างกลับฝ่ามือไปมาสองรอบ นั่นหมายความว่า ขอร้องคุณหมอเถิด ช่วยชีวิตลูกสาวฉัน เธอมีอนาคตดี เป็นคนเก่ง คุณหมอต้องช่วยเธอ ผมจะหาเงินมาเสียค่ารักษา ผมเลี้ยงหมู ทำนา ทำเต้าหู้ได้ ผมมีเงิน ตอนนี้ก็มีอยู่4 พันหยวน

หมอจับมือพ่อพร้อมกับสั่นหัว นัยว่า แค่ 4 พันหยวนยังขาดอีกเยอะ พ่อไม่รีรอ ชี้ไปยังพี่ๆและพี่สะใภ้ กำมือแน่น หมายความว่า ผมยังมีคนเหล่านี้ช่วยกันพยายาม เราทำได้แน่ เห็นหมอยังทำเฉย พ่อชี้ที่หลังคา ก้มหัวใช้เท้ากระทืบพื้น พนมมือสองข้างไว้ด้านขวาของศีรษะ แล้วหลับตา หมายความว่า ผมมีบ้านขายได้ ผมนอนบนพื้นดินก็ได้ แม้จะหมดเนื้อหมดตัว ผมก็ขอให้ลูกสาวอยู่รอด พ่อชี้ไปยังหน้าอกคุณหมอ แล้ววางมือลง หมายความว่า ขอให้คุณหมอไว้ใจ เราไม่เบี้ยวค่ารักษาหรอก เรื่องเงินเราจะหาทางออก พี่ใหญ่แปลภาษามือของพ่อให้หมอฟังพลางร้องไห้ไป ไม่ทันแปลจบ หมอซึ่งเห็นเรื่องเกิดแก่เจ็บตายจนชินชา บัดนี้ก็อดกลั้นน้ำตาไม่อยู่เช่นกัน


พ่อใช้ท่ามือที่รวดเร็ว สื่อความแม่นยำ ใครๆเห็นแล้วต้องร้องไห้ หมอบอกอีกว่า ทำศัลยกรรมก็ไม่รับรองว่าจะช่วยชีวิตได้ เกิดพลาดขึ้นมาจะทำอย่างไร พ่อตบกระเป๋าเสื้อตัวเอง แล้วลูบที่หน้าอก หมายความว่า ขอให้หมอช่วยเต็มที่ แม้จะไม่ไหว ก็จะจ่ายเงินให้ครบ โดยไม่บ่นโทษแม้แต่คำเดียว ความรักอันยิ่งใหญ่ของพ่อ ไม่เพียงแต่ค้ำจุนชีวิตฉัน ยังค้ำจุนกำลังใจและความแน่วแน่ให้หมอในการช่วยชีวิตฉัน ฉันถูกนำเข้าห้องผ่าตัด พ่อรออยู่นอกห้องเดินไปมาอย่างลุกลี้ลุกลนตามระเบียงจนรองเท้าสึกเป็นรู

พ่อไม่หลั่งน้ำตาแม้แต่หยดเดียว แต่กลับเป็นแผลพุพองเต็มปากหลังจากเฝ้ารออยู่นอกห้องสิบกว่าชั่วโมง พ่อทำท่าอธิษฐานขอพรจากพระเจ้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างสับสนไม่เป็นระเบียบ จนฟ้าดินปรานี ให้ฉันรอดมาได้

ฉันสลบเหมือดตลอดระยะเวลาครึ่งเดือน ไม่ตอบสนองต่อความรักจากพ่อ ทุกคนหมดกำลังใจในตัวฉันซึ่งกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา มีเพียงพ่อคนเดียวที่ยืนหยัดเฝ้าอยู่ข้างเตียงคนไข้รอฉันฟื้นขึ้นมา พ่อใช้มืออันหยาบกร้านบรรจงนวดให้ฉันกล่องเสียงพิการของพ่อได้แต่เปล่งลมเออออเรียกฉัน เหมือนกับพูดว่า ?ลูกหยูน ตื่นเถิด ลูกหยูน พ่อทำน้ำเต้าหู้สดๆรอลูกอยู่?

เพื่อเอาใจหมอและพยาบาล พ่อจะอาศัยเวลาที่พี่มาเฝ้าไข้แทน ทำเต้าหู้ร้อนๆถาดใหญ่ มาแจกแก่เจ้าหน้าที่พยาบาลเกือบทุกคนในแผนกศัลยกรรม แม้โรงพยาบาลตั้งระเบียบไม่ให้รับของจากคนไข้ แต่ด้วยคำขอร้องที่บริสุทธิ์จริงใจเช่นนี้ พวกเขาก็รับไว้อย่างเงียบๆ แค่นี้พ่อก็พอใจและมีความมั่นใจยิ่งขึ้น

พ่อใช้ภาษามือสื่อความว่า ท่านทั้งหลายเป็นผู้ใจบุญ เชื่อว่าต้องรักษาลูกสาวผมได้แน่

ระหว่างนั้น เพื่อระดมค่ารักษา พ่อเดินสายไปทุกหมู่บ้านที่เคยไปขายเต้าหู้ ความซื่อสัตย์สุจริตตลอดชีวิตที่ผ่านมา ได้รับความสนับสนุนเพียงพอที่จะช่วยลูกสาวรอดพ้นจากเส้นตาย ชาวบ้านต่างออกเงินช่วยเหลือ พ่อก็ไม่ปล่อยปละละเลย ใช้ดินสอจดบัญชีเต้าหู้บันทึกรายละเอียดด้วยลายมือหงิกงอ ทว่าชัดเจนดังนี้ คุณจัง 20 หยวน คุณลี่100 หยวน อาซ้อหวัง 65 หยวน?

ในที่สุดฉันฟื้นขึ้นมาจนได้ตอนเช้าตรู่วันหนึ่งหลังจากครึ่งเดือนผ่านไป ฉันเห็นผู้เฒ่าผอมเซียวจนเสียรูป อ้าปากกว้าง เปล่งเสียงเออออดังลั่นด้วย ความดีใจที่ได้เห็นฉันตื่นขึ้นมา ผมขาวโพลนของเขาเปียกชุ่มด้วยเหงื่อในฉับพลันเนื่องจากความตื่นเต้น ครึ่งเดือนก่อนพ่อยังมีผมดำเต็มศีรษะ ครึ่งเดือนผ่านไป พ่อแก่ไปตั้ง 20 ปี หัวโกนจนเกลี้ยงของฉันเริ่มมีเส้นผมงอกขึ้นแล้ว พ่อลูบไล้หัวฉันด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเมตตา การลูบไล้เช่นนี้ ในอดีตถือเป็นความสุขเกินตัวสำหรับพ่อ

เวลาผ่านไปครึ่งปี ผมฉันยาวพอที่จะถักเปียได้ ฉันจูงมือพ่อขอร้องช่วยหวีผมให้ พ่อกลับออกอาการเปิ่นเก้อ พ่อหวีทีละกระจุก หมดไปค่อนวันก็ยังไม่อาจหาทรงที่ถูกใจพ่อ มีอยู่ครั้งหนึ่ง พ่อหันมาอยู่หน้าฉัน ทำท่าอุ้มฉันโยนออกไป แล้วงอนิ้วมือเหมือนท่านับเงิน อ้อ พ่อคิดจะเอาตัวฉันไปขายเหมือนขายเต้าหู้ละสิ ฉันแสร้งปิดหน้าร้องไห้ จนพ่อดีใจหัวเราะ ฉันแอบดูพ่อผ่านช่องนิ้วมือ เห็นพ่อหัวเราะจนขดตัวยองๆกับพื้น เกมนี้เราเล่นจนกระทั่งฉันลุกขึ้นยืนและเดินได้

ทุกวันนี้ มีเพียงอาการปวดหัวเป็นครั้งคราวเท่านั้น สุขภาพโดยทั่วไปฉันดูแข็งแรงดี พ่อจึงพึงพอใจยิ่ง เราช่วยกันชำระหนี้สินจนหมด แล้วพ่อก็ย้ายเข้าเมืองอยู่กับฉัน โดยที่พ่อขยันทำงานมาตลอด ทนไม่ได้กับชีวิตอยู่เฉยๆ ฉันจึงเช่าเพิงเล็กๆ ใกล้บ้านให้พ่อทำเป็นโรงเต้าหู้ เต้าหู้ที่พ่อทำ รสชาตินุ่มหอมก้อนใหญ่ดี เป็นที่นิยมของชาวบ้าน ฉันติดตั้งชุดลำโพงกับแบตเตอรี่บนรถเข็นเต้าหู้ให้พ่อ แม้ว่าพ่อไม่ได้ยินเสียงกังวานของฉัน แต่ท่านย่อมทราบดี ทุกครั้งที่พ่อกดปุ่มเสียง ท่านจะอกผายไหล่ผึ่ง รู้สึกถึงความสุขและพอเพียง เรื่องราวในอดีตที่ฉันเหยียดหยามพ่อ ท่านมิได้จดจำจองเวรไว้เลยแม้แต่น้อย จนตัวฉันเองก็ใจไม่ถึงพอที่จะสารภาพผิดต่อท่าน


ฉันคิดอยู่เสมอว่า โลกเราเปี่ยมล้นด้วยสังคีตแห่งความรัก เราสดับฟัง สาธยาย สัมผัส และสะเทือนใจ แต่แล้ว พ่อผู้ใบ้ของฉันกลับสอนให้ฉันเข้าใจว่า อันที่จริงแล้ว สังคีตอันยิ่งใหญ่ที่สุดคือปลอดเสียง อันเป็นพลังที่ไม่พึงสงสัย ทำให้ฉันตีความความรักให้สูงขึ้นไปอีก

ขอให้เราปฏิบัติต่อกันด้วยความจริงใจ เพราะชีวิตเราได้มาไม่ง่าย มีโอกาสพบกันถือเป็นบุญวาสนา
ขอให้เราปรนนิบัติต่อพ่อแม่ด้วยความกตัญญูกตเวที เพราะหลังจากท่านสิ้นบุญแล้วจะเหลือแต่ความรำลึก
ขอให้เราปฏิบัติต่อคู่ชีวิตด้วยความจริงใจ เพราะหลังจากจากกันแล้วจะไม่มีโอกาสจูงมือกันเดินเที่ยว
ขอให้เราทะนุถนอมการเจริญเติบโตของบุตร เพราะเมื่อถึงเวลาอันควรจะไม่มีโอกาสได้โอบกอดลูกๆอีก
ขอให้เราทุ่มเทและให้อย่างเต็มที่ ขอบคุณและอุทิศโดยไม่เห็นแก่ตัว ต่อการพบปะในบุญวาสนาทุกโอกาส

ที่มา : Niceoppai

PastedGraphic-2011-08-4-09-45.jpg

วันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2554

วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

key for music

การเปลี่ยนคีย์ ( Key ) หมายถึง การเปลี่ยนลำดับเสียงในการขับร้อง ให้เป็นไปตามบันใดเสียงต่างๆที่กำหนดไว้อาจเป็นสูงหรือต่ำ
แล้วแต่ความเหมาะสม ของระดับเสียงของผู้ขับร้อง
บันใดเสียงที่ใช้เป็นหลักในการไล่เสียงได้แก ่บันใดเสียงเมเจอร์ (Major Scale)
มีทั้งหมด 15 คีย์ดังนี้
1. Key C Major ไม่ติด ชาร์ป ติด แฟลต
2. Key F Major ติด 1 แฟลต คือ Bb
3. Key Bb Major ติด 2 แฟลต คือ Bb, Eb
4. Key Eb Major ติด 3 แฟลต คือ Bb, Eb, Ab
5. Key Ab Major ติด 4 แฟลต คือ Bb, Eb, Ab, Db
6. Key Db Major ติด 5 แฟลต คือ Bb, Eb, Ab, Db, Gb
7. Key Gb Major ติด 6 แฟลต คือ Bb, Eb, Ab, Db, Gb, Cb
8. Key Cb Major ติด 7 แฟลต คือ Bb, Eb, Ab, Db, Gb, Cb, Fb
9. Key G Major ติด 1 ชาร์ป คือ F#
10. Key D Major ติด 2 ชาร์ป คือ F#, C#
11. Key A Major ติด 3 ชาร์ป คือ F#, C#, G#
12. Key E Major ติด 4 ชาร์ป คือ F#, C# , G#, D#
13. Key B Major ติด 5 ชาร์ป คือ F#, C#, G#, D#, A#
14. Key F# Major ติด 6 ชาร์ป คือ F#, C# , G#, D#, A#, E#
15. Key C# Major ติด 7 ชาร์ป คือ F#, C#, G#, D#, A#, E#, B#
**(ข้อควรนำไปใช้) คีย์ที่ติด ชาร็ป-แฟลต มากๆ จะไม่นิยมนำมาใช้เพราะการอ่านและการบรรเลงจะยาก ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ง่าย

วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ANTI PHOSPHOLIPID SYNDROME

APS was the most likely diagnosis in this patient. APS may be associated with extensive arterial and/or venous thromboembolic disease, which did manifest in this case. Recurrent pulmonary thromboembolism can result in pulmonary hypertension, which is the most likely cause of this patient's progressive dyspnea. APS is known to be associated with thrombocytopenia, as was evident in this case. Recurrent miscarriages, which are thought to be secondary to derangements in clotting, can also be a component of this disease. Other diagnoses were considered but ultimately excluded. The patient was not febrile, had multiple negative blood cultures, and had no stigmata of endocarditis. TTP is characterized by microangiopathic hemolytic anemia, thrombocytopenia, fever, neurologic manifestations, and renal dysfunction. It is a fatal, progressive disease without treatment. The course of illness in this case did not fit that of TTP, and her anemia was not microangiopathic in nature. APS was confirmed by an immunologic profile that revealed the anticardiolipin immunoglobulin G (aCL IgG) was 65 GPLU/mL (normal range, up to 23 GPLU/mL) with a negative aCL IgM. Lupus anticoagulant (LA) was 180 seconds (normal range, 33-45 seconds). An antinuclear antibody test was positive, while an anti-double stranded DNA test was negative. The elevation of aCL IgG persisted after 6 weeks.
The actual frequency of APS in the general population is unknown. Antiphospholipid antibodies (LA and aCL antibodies) are present in 1%-5% of the general population, and in about 50% of patients with systemic lupus erythematosus (SLE) and other autoimmune diseases.[1] There are 2 forms of APS. Primary APS involves thrombosis and/or obstetric complications in association with antiphospholipid antibodies, but without signs of connective tissue disease; secondary APS refers to those with SLE who also have antiphospholipid antibodies. Antiphospholipid antibodies may develop in patients receiving drugs such as phenytoin, chlorpromazine, dilantin, quinidine, procainamide, and some antibiotics. A miscellaneous group of patients with a variety of diseases, including malignancy, HIV, and other viral infections, may also be positive for antiphospholipid antibodies, although these patients are not at risk for thrombotic complications. There appears to be to be a correlation between the strength of the antiphospholipid (aPL) titer and the number of positive aPL serology tests; these tests include IgG and IgM antiphospholipid antibodies; LA, which manifests as a prolongation of the partial thromboplastin time that can be reversed with phospholipid neutralization; and anti-B2 glycoprotein (GP). A female predominance has been documented, particularly for secondary APS. This parallels the association of APS with SLE and other connective-tissue diseases, which also have a female predominance. APS is more common in young to middle-aged adults; however, it also manifests in children and elderly people. Disease onset has been reported in children as young as 8 months.[2]
Very recently, the discovery of shared peptide sequences between B2-GPI and some microorganisms, particularly Saccharomyces cerevisiae, has led to the hypothesis that at least some cases of APS may not be of primary autoimmune origin but instead may be molecular mimicry. B2-GPI also has complex interactions with the coagulation system that are poorly understood at present.[3]
APS can affect any system of the body, and the clinical picture may demonstrate many different sequelae of thromboembolic disease involving the peripheral venous system (deep venous thrombosis) and central nervous system (cerebrovascular accident, sinus thrombosis). Hematologic (thrombocytopenia, hemolytic anemia), pulmonary (pulmonary embolism, pulmonary hypertension), and dermatologic (digital cyanosis and gangrene, livedo reticularis, discoid rash and chronic ulcers) complications are common. Photosensitivity and cardiac (Libman-Sacks valvulopathy, myocardial ischemia), ocular (amaurosis, retinal thrombosis), adrenal (infarction/hemorrhage), and musculoskeletal (avascular necrosis of bone) manifestations may also occur.[4]
APS and LA are associated with pregnancy complications that include fetal loss, fetal growth restriction, preeclampsia, thrombosis, and autoimmune thrombocytopenia, and it is distinct from SLE and other connective tissue disorders.
The updated Sapporo APS classification criteria are commonly used for APS diagnosis. Based on these criteria, a diagnosis of APS requires both (1) thrombosis in any organ or tissue or pregnancy event (1 or more miscarriages after the 10th week of gestation, 3 or more miscarriages before the 10th week of gestation, or 1 or more premature deliveries before the 34th week of gestation because of eclampsia) and (2) a persistently positive aPL test (> 12 weeks apart in time), positive LA test, moderate-to-high titer anticardiolipin antibodies, or moderate-to-high titer B2-GPI antibodies.[5] There is debate whether or not testing for aPL can be undertaken in patients receiving anticoagulation, either from heparin or warfarin. Although false positive tests are common in some series (up to 10%), titers are usually quite low and do not persist.
An abnormal LA is the laboratory test result that confers the strongest risk for thrombosis. The postulated biologic effects mediated by human antiphospholipid antibodies include (1) reactivity with endothelial structures, which disturbs the balance of prostaglandin E2/thromboxane production, (2) interaction with platelet prostaglandins, with consequent upregulation of platelet aggregation, (3) dysregulation of complement activation, (4) interaction of aPL with phosphatidylserine exposed during trophoblast syncytium formation, which raises the possibility of a more direct effect of these autoantibodies on placental structures,[6] and (5) autoantibodies against the fibrinolytic receptor annexin 2.[7]
Rarely, patients with APS may present with acute multiorgan involvement, including signs and symptoms of encephalopathy, seizures, livedo reticularis, renal insufficiency, pulmonary failure, and multiple thrombi involving both large and small vessel occlusions. The term "catastrophic APS" and "Asherson syndrome" has been applied to this constellation, which is associated with high-titered antiphospholipid antibodies and a high mortality rate (approximately 50%).[8]
The international consensus statement is commonly used for establishing a diagnosis of catastrophic APS (CAPS). Based on this statement, a definite CAPS diagnosis requires (1) vascular thrombosis in 3 or more organs or tissues, (2) the development of manifestations simultaneously or in less than a week, (3) evidence of small vessel thrombosis in at least 1 organ or tissue, and (4) laboratory confirmation of the presence of aPL.[9]
The differential diagnosis of APS includes disseminated intravascular coagulation, infective endocarditis, TTP, heparin-induced thrombocytopenia, and inherited or acquired hypercoagulable states.
Appropriate procedures to evaluate specific thrombotic events differ according to the clinical situation and the vascular location involved. These include CT scanning or MRI of the brain (for the identification and characterization of cerebrovascular accident), CT angiography of the chest (pulmonary embolism), and CT scanning of the abdomen with contrast to identify thromboembolic disease in the intestinal or hepatic circulation (Budd-Chiari syndrome). Doppler ultrasound studies are recommended for detecting deep vein thrombosis. Two-dimensional echocardiography findings may demonstrate asymptomatic valve thickening, vegetations, or valvular insufficiency; aortic or mitral insufficiency is the most common valvular defect found in persons with Libman-Sacks endocarditis.
Treatment for APS depends largely on the clinical scenario and the severity of disease. Patients with active thrombotic disease should be on appropriate anticoagulation with an international normalized ratio (INR) goal of 2-3 if warfarin anticoagulation is used. Hydroxychloroquine has been shown in several studies to have intrinsic antithrombotic effects and may be considered in patients who have had a history of clot. Aspirin is added to most treatment regimens although evidence supporting its use is meager. Similarly, clopidogrel has been used in place of and in addition to aspirin.
The patient in this case started corticosteroid therapy at a dose of 40 mg/day aiming to elevate her platelet count before beginning anticoagulation. At a platelet count of 50,000/μL, anticoagulation therapy was started in the form of low-molecular-weight heparin (LMWH), and warfarin was added 5 days later. LMWH was discontinued when her INR was 3.0. Low-dose aspirin was added. Nifedipine was added at a dose of 80 mg/day and there was gradual improvement in the patient's dyspnea. A low-dose thiazide diuretic was also added, and the patient continues to be followed at monthly follow-up appointments.

วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2554

ไปเที่ยวภูเก็ต สงกรานต์ ปี 54 ด้วยกันนะ





วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2554

แผ่นดินไหว 6.8 ที่พม่า รับรู้แรงสั่นสะเทือนมาถึงไทย

554000004114701-2011-03-26-18-38.JPEG554000004114702-2011-03-26-18-38.JPEG
http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9540000038581

ความรุนแรง 6.8 ตามมาตราริกเตอร์ ความลึก 10km เวลา 20:55:12 วันที่ 24/03/2554 (รับรู้ได้จากจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย และจังหวัดอื่นๆทั่วภาคเหนือ)


วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2554

tsunami japan น่ากลัวมากก



ระเบิดอีกแล้ว



โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 มีนาคม 2554  11:58 น.
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9540000032687


ญี่ปุ่นพยายามควบคุมความร้อนภายในเตาปฏิกรณ์ของโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ หลังระบบหล่อเย็นได้รับความเสียหายอย่างหนักจากแผ่นดินไหวขนาด 8.9 ริกเตอร์เมื่อวันศุกร์(11)ที่ผ่านมา
      
      แต่ไม่นานหลังจากที่นายกรัฐมนตรี นาโอโตะ คัง ออกมาเตือนว่า โรงไฟฟ้าฟูกูชิมะซึ่งอยู่ห่างจากกรุงโตเกียวไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 250 กิโลเมตรยังอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยง เตาปฏิกรณ์หมายเลข 3 ก็เกิดระเบิดดังสนั่น และส่งกลุ่มควันพวยพุ่งสู่ท้องฟ้า
      
      เท็ปโก้ ซึ่งเป็นผู้บริหารโรงไฟฟ้าเปิดเผยว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 6 คน เป็นพนักงานของเท็ปโก้ 4 คน และคนงานอีก 2 คน โดยขณะนี้ทั้งหมดรู้สึกตัวแล้ว
      
      หนังสือพิมพ์ จิจิ เพรส รายงานว่า มีทหารได้รับบาดเจ็บอีก 4 นาย
      
      ทางการญี่ปุ่นคาดกว่า อุบัติเหตุครั้งล่าสุดนี้น่าจะเกิดจากแรงระเบิดไฮโดรเจน
      
      ยูกิโอะ เอดาโนะ หัวหน้าโฆษกรัฐบาล แถลงรายงานจาก เท็ปโก้ ว่า เตาปฏิกรณ์หมายเลข 3 อาจไม่รับความเสียหาย และโอกาสที่จะเกิดการรั่วไหลของสารกัมมันตภาพรังสีอย่างรุนแรงยังเป็นไปได้ น้อย
      
      “อุปกรณ์ครอบเตาปฏิกรณ์ไม่ได้รับความเสียหาย และไม่ปรากฎว่ามีการแพร่กระจายของสารกัมมันตรังสีในระดับรุนแรง” เอดาโนะ กล่าว
      
      เจ้าหน้าที่พยายามฉีดน้ำทะเลเข้าไปในเตาปฏิกรณ์เพื่อทดแทนระบบหล่อ เย็น ซึ่งจะช่วยประคับประคองให้โรงไฟฟ้าอายุกว่า 40 ปีแห่งนี้ใช้การต่อไปได้
      
      เมื่อวันเสาร์(12)ที่ผ่านมา แรงระเบิดจากเตาปฏิกรณ์หมายเลข 1 ส่งผลให้ตัวอาคารที่อยู่โดยรอบพังเสียหาย ขณะที่อุปกรณ์ครอบแกนปฏิกรณ์ยังคงใช้การได้

วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2554

ทฤษฎีเศษเหลือ

ทฤษฎีเศษเหลือเหนือพหุนาม

http://krupee.blogspot.com/2010/03/blog-post.html




ในการหาเศษที่เกิดขึ้นจากการหารพหุนามที่เป็นตัวตั้งด้วยพหุนามที่เป็นตัวหารซึ่งมีดีกรีต่ำกว่านั้นนอกเหนือจากจะหาได้ด้วยวิธีการตั้งหารตามปกติแล้ว ถ้าในกรณีที่ตัวหารเป็นพหุนามดีกรีหนึ่งแล้วเราสามารถจะหาเศษจากการหารได้ง่าย ๆ ด้วยการประยุกต์ใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือเข้ามาช่วย ซึ่งน่าจะทำให้ประหยัดเวลามากกว่าและมีโอกาสผิดพลาดจากการคำนวณน้อยกว่าวิธีการตั้งหารตรง ๆ นอกจากนี้แล้วยังสามารถประยุกต์หลักการเกี่ยวกับทฤษฎีเศษเหลือนั้นไปใช้ในการแก้โจทย์ปัญหาที่ซับซ้อนเกี่ยวกับการหารพหุนามได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หลักการที่ควรรู้ ซึ่งผู้เรียนคณิตศาสตร์ควรจำและเข้าใจมีดังนี้

1. ให้ P(x) เป็นพหุนาม ถ้าหารพหุนาม P(x) ด้วยพหุนาม x - c เมื่อ c เป็นจำนวนจริงซึ่งเป็นค่าคงตัว แล้ว เศษที่ได้จากการหารเท่ากับ P( c )

2. ถ้าหารพหุนาม P(x) ด้วยพหุนาม ax - b เมื่อ a, b เป็นจำนวนจริง และ a ไม่เท่ากับ 0 แล้วเศษที่ได้จากการหารจะัเท่ากับ P(b/a)

3. x - c เป็นตัวประกอบของพหุนาม P(x) ก็ต่อเมื่อ P(c) = 0

4. ax - b เป็นตัวประกอบของพหุนาม P(x0 ก็ต่อเมื่อ P(b/a) = 0


ตัวอย่าง 1. จงหาเศษจากการหาร x^3 - x^2 - 3x + 6 ด้วย x - 2
วิธีทำ ให้ p(x) = x^3 - x^2 - 3x + 6 แล้ว แทน x ด้วย 2 ลงใน P(x) จะได้ P(2) = 2^3 - 2^2 - 3(2) + 6 = 4
แสดงว่า เศษจากการหารเป็น 4 #

ตัวอย่าง 2 จงหาเศษจากการหาร x^3 + 4(x^2) + 5x + 2 ด้วย x + 3
วิธีทำ ให้ p(x) = x^3 + 4(x^2) + 5x + 2 แล้ว แทน x ด้วย -3 ลงใน P(x) จะได้ P(-3) = (-3)^3 +4((-3) ^2) +5(-3) + 2 = -4
แสดงว่า เศษจากการหารเป็น -4 #

ตัวอย่าง 3 (ข้อสอบ Entrance) กำหนด P(x) = x^5 + a(x^3) - x + b โดยที่ a, b เป็นจำนวนจริง ถ้า x - 1 หาร P(x) เหลือเศษ -1 และ x + 1 หาร P(x) เหลือเศษ 1 แล้ว x หาร P(x) จะเหลือเศษเท่ากับข้อใดต่อไปนี้
1. -1
2. 0
3. 1
4. 2

แนวคิด จาก P(x) = x^5 + a(x^3) - x + b
ถ้า x - 1 หาร P(x) เหลือเศษ -1 จะได้ P(1) = -1 และ
x + 1 หาร P(x) เหลือเศษ 1 จะได้ P(-1) = 1
จะกำหนดสมการได้เป็น
a + b = 1 ..........(1)
-a + b = -1 ..........(2)
แก้ระบบสมการจะได้ a = 0 และ b = -1
ดังนั้น P(x) = x^6 - x - 1
เมื่อหารด้วย x หรือ x-0 ก็แทน x ด้วย 0 ลงไปใน P(x) จะได้ P(0) = -1 ซึ่งเป็นเศษตามต้องการ #


ตัวอย่าง 4 (Entrance) กำหนดให้ x + 1 และ x - 1 เป็นตัวประกอบของพหุนาม P(x) = 3(x^2) + x^2 - ax + b เมื่อ a และ b เป็นค่าคงตัว เศษเหลือที่ได้จากการหาร P(x) ด้วย x - a - b เท่ากับข้อใดต่อไปนี้
1. 15
2. 17
3. 19
4. 21

แนวคิด ให้ P(x) = 3(x^3) + x^2 - ax + b
เนื่องจาก x + 1 เป็นตัวประกอบของ P(x) แสดงว่าเมื่อหาร P(x) ด้วย x + 1 เศษเป็น 0
และ x - 1 เป็นตัวประกอบของ P(x) แสดงว่าเมื่อหาร P(x) ด้วย x - 1 เศษเป็น 0
ดังนั้น P(-1) : 3[(-1)^3] + (-1)^2 - a(-1) + b = 0
a + b = 2 ..........(1)
และ P(1) : 3(1^3) + 1^2 -a(1) + b = 0
-a + b = -4 ..........(2)
แก้ระบบสมการ จะได้ a = 3, b = -1
ดังนั้น P(x) = 3(x^3) + x^2 - 3x -1
จะได้ x - a - b = x - 2
หาเศษโดยแทน x ด้วย 2 ลงใน P(x) จะได้ P(2) = 21 ซึ่งเป็นเศษตามต้องการ #

tsunami Japan

554000003413701-2011-03-12-06-47.JPEG
554000003413702-2011-03-12-06-47.JPEG
554000003413704-2011-03-12-06-47.JPEG
554000003413705-2011-03-12-06-47.JPEG
554000003413707-2011-03-12-06-47.JPEG
554000003413703-2011-03-12-06-47.JPEG
554000003413708-2011-03-12-06-47.JPEG
554000003413709-2011-03-12-06-47.JPEG
554000003413710-2011-03-12-06-47.JPEG
554000003413713-2011-03-12-06-47.JPEG554000003413712-2011-03-12-06-47.JPEG554000003413711-2011-03-12-06-47.JPEG
554000003413714-2011-03-12-06-47.JPEG
554000003413715-2011-03-12-06-47.JPEG


www.manager.co.th






TSUNAMI JAPAN



วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ให้ ก เป็นจำนวนนับที่มากที่สุดที่หาร 63, 78, 123 แล้วเหลือเศษเท่ากัน

ให้ ข เป็นจำนวนที่หารด้วย 18, 24, 54 แล้วเหลือเศษ 9 เท่ากันทุกจำนวน

จงหาว่า

ก+ข 

วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554




หลังจากเมื่อไม่กี่เดือน ที่ผ่านมา ที่ภาพยนตร์โฆษณา Viral ad ของดีแทค ชุด Disconnect to connected ได้ไปสร้างความประทับใจให้ชาวเน็ตจีนบนแผ่นดินใหญ่แล้ว ล่าสุดผู้กำกับไทยอีกคนอย่าง ธนญชัย ศรศรีวิชัย ผู้กำกับรางวัลระดับโลก (เจ้าของผลงานในชุด "ไทยประกันชีวิต") ได้งานเต็มๆ กำกับโฆษณาทางโทรทัศน์ ของ TC Bank ไต้หวัน เรื่อง "Dream Rangers" สังกัด โอกิลวี ไต้หวัน ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างกว้างขวาง และเช่นเดียวกัน ในเว็บไซต์ youku ของจีนแผ่นดินใหญ่ ก็มีผู้คลิ๊กชมมากเกือบ 500,000 ครั้งแล้ว ในเวลาเพียง 2 สัปดาห์

ความประทับใจในเรื่องราวของโฆษณาชิ้นนี้ อยู่ที่สร้างมาจากชีวิตจริงของชายชราไต้หวัน วัยราว 80 ปี กลุ่มหนึ่ง ซึ่งเป็นเพื่อนเก่าที่มีประสบการณ์ชีวิตอันงดงามร่วมกัน เขากลับมาพบกันอีกครั้ง จากการไปร่วมงานศพของเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่ม และได้รู้ว่าคำถามที่พวกเขาต่างเผชิญในวัยดึกนี้ คงมีเพียงว่า เวลาที่เหลือของแต่ละคนนี้ จะอยู่เพื่ออะไร เพื่อคิดถึงใคร เพื่อรักษาลมหายใจไว้ หรือเพื่อจะรอวันตาย

แล้วขณะชีวิตเริ่มลอยตามน้ำเหมือนไม้ใกล้ฝั่ง ชายแก่ทั้ง 5 คน กลับสร้างแรงบันดาลใจคืนมาให้ตนเอง จากความฝันครั้งสุดท้ายที่พวกเขาตั้งใจจะทำให้สำเร็จ เพื่อพิสูจน์ตนเองอีกครั้งกับชะตาชีวิต นั่นคือขี่มอเตอร์ไซค์ คึกรอนแรมไปทั่วหล้าเหมือนตอนหนุ่มๆ

ทว่า ในวัยปูนนี้ แต่ละคนพกโรคประจำตัวมาคนละโรคสองโรค คนนึงหูตึง คนนึงเป็นมะเร็ง ที่เหลือเป็นโรคหัวใจ และทั้งหมดข้อกระดูกเสื่อม ดังนั้น เพื่อให้การเดินทางไม่กลายเป็นการฆ่าตัวตาย พวกเขาต้องฟื้นฟูเตรียมสภาพร่างกายเป็นเวลา 6 เดือน จนพร้อมที่จะขี่มอเตอร์ไซค์คู่ใจไปทั่วเกาะไต้หวัน จากเหนือจรดใต้ นาน 13 วัน 13 คืน ระยะทางกว่า 1,139 กิโลเมตร จนได้ไปถึงสถานที่ซึ่งพวกตนเคยมีวันดีๆ ร่วมกัน รื้อฟื้นภาพความทรงจำในอดีตให้กลับมาชัดเจนตรงหน้าอีกครั้ง...

ผลงานโฆษณาชิ้นนี้ เป็นของ Ogilvy & Mather ไต้หวัน สร้างจากเรื่องจริงของกลุ่มนักบิดไต้หวัน วัยเฉลี่ยกว่า 81 ปี โดยมีครีเอทีฟและผู้เขียนบท คือ เจนนิเฟอร์ หู ออกแบบศิลป์ โดย ลีอา เฉิน และกำกับฯ โดย ธนญชัย ศรศรีวิชัย ผู้กำกับมือหนึ่งของ Phenomena ประเทศไทย ที่ทำให้ "Dream Rangers" กำลังเป็นภาพยนตร์โฆษณาที่คนไต้หวันและชาวเน็ตฯ จีนแผ่นดินใหญ่ชื่นชอบกันในขณะนี้

"Dream Rangers" จัดเป็นเรื่องราวที่ให้กำลังใจ และพิสูจน์ว่าศักยภาพของมนุษย์นั้นไร้ขอบเขตไม่ได้ขึ้นกับวัยและสังขาร เหมือนคำกล่าวในภาษิตจีนที่ว่า "ภัยของวัยชรา หาใช่ความเสื่อมถอยของร่างกาย แต่คือการถดถอยทางจิตวิญญาณ และความฝันต่างหาก"

"Dream Rangers" โฆษณาของ TC Bank ฝีมือคนไทย

http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9540000017138

วันอาทิตย์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2554

mpemba effect

ปรากฏการณ์ของอิทธิพลเพ็มบ้า (Mpemba Effect)

เรื่องของปรากฏการณ์ของอิทธิพลเพ็มบ้า(Mpemba effect)นี้  เป็นเรื่องเล่าที่มาจากเรื่องจริงของเด็กชาวอัฟริกันคนหนึ่งที่ชื่อ เออราสโต้ เพ็มบ้า (Erasto Mpemba) นักเรียนมัธยมในประเทศแทนซาเนีย โดยเป็นเรื่องของสิ่งที่เขาสังเกตพบเมื่อปี พ.ศ. 2506 ซึ่งในขณะนั้นเขากำลังร่วมแข่งขันทำโครงงานของโรงเรียนในเรื่องการทำไอศครีม  ซึ่งสิ่งที่เขาต้องทำตามที่ได้เรียนรู้มาก็คือ ต้มนมและส่วนผสมจนเดือด แล้วก็ปล่อยไว้จนเย็น ก่อนที่จะนำนมนั้นใส่เข้าไปในตู้เย็น   แต่อาจจะด้วยเพราะกลัวว่าจะแพ้เพราะทำได้ช้ากว่าคนอื่นๆ เขาจึงเลือกที่จะเอาส่วนผสมที่ได้จากการต้มเข้าตู้เย็นทันทีในขณะที่ส่วนผสมนั้นยังร้อนอยู่   และแล้วเขาก็พบว่าส่วนผสมที่ยังร้อนอยู่นั้นกลับแข็งตัวก่อนส่วนผสมอื่นๆ ซึ่งปล่อยให้เย็นก่อนที่จะเขาใส่เข้าไปในตู้เย็น

ตั้งแต่นั้น ก็มีคนอื่นๆ ได้อ้างว่าพบปรากฏการณ์เช่นเดียวกันนี้ โดยได้เรียกปรากฏการณ์เหล่านี้ว่า ปรากฏการณ์ของอิทธิพลเพ็มบ้า(Mpemba effect)  ซึ่งนักวิทยาศาสตร์หลายคนพบว่าเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับปรากฏการณ์ที่ดูเหมือนจะขัดกับความรู้สึกเช่นนั้น  และคิดว่าถึงแม้ Mpemba effect จะเป็นจริง นั่นคือ บางบางทีน้ำร้อนสามารถเยือกแข็งได้เร็วกว่าน้ำเย็น   แต่ก็ไม่ชัดเจนว่าคำอธิบายที่มีขึ้นจะให้ความกระจ่างชัด ซึ่งคำอธิบายดัวกล่าวเหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย    หลังการค้นพบของเขาสองสามปี  ในขณะที่เออราสโต้ เพ็มบ้า ได้เรียนเรื่องกฎการเย็นตัวของ Newton และเขาได้ถามครูของเขาว่า กฎนี้จะสอดรับกับการสังเกตที่เขาพบได้อย่างไร   ครูของเขาตอบว่า “สิ่งที่ครูจะพูดได้ก็คือ นั่นเป็นฟิสิกส์ของ เพ็มบ้า ไม่ใช่ฟิสิกส์ที่เป็นสากล”

จริงๆ แล้วมีนักวิทยาศาสตร์หลายคนต่างอ้างว่าน้ำร้อนเยือกแข็งเร็วกว่าน้ำเย็น หรือน้ำที่อุ่นเล็กน้อยจะเยือกแข็งตัวได้ง่ายกว่าน้ำที่ค่อนข้างเย็น   และน้ำจะมีความหนาแน่นที่สุด ณ อุณหภูมิ 4 องศาเซลเซียส   ซึ่งการศึกษาเหล่านี้บอกให้เรารู้ว่า “น้ำที่ถูกทำให้ร้อนและคงความร้อนนั้นไว้มานานจะเยือกแข็งเร็วกว่าน้ำแบบอื่น”   จากความรู้นี้ บางคนอาจคุ้นเคยอยู่แล้วในภูมิปัญญาชาวบ้าน เช่น ในต่างประเทศที่มีหิมะตก มีคนพูดไว้ว่าไม่ควรล้างรถด้วยน้ำร้อนในฤดูหนาวที่หิมะตก เพราะมันจะแข็งตัวเร็วกว่าน้ำเย็น หรือ ลานสเก็ตควรทำโดยการราดด้วยน้ำร้อนเพราะมันจะเยือกแข็งได้เร็วกว่า

วันอาทิตย์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2554

การเรียงคำคุณศัพท์ในภาษาอังกฤษ

ตามกฎโดยทั่วไปแล้ว คำคุณศัพท์ในภาษาอังกฤษ จะเรียงลำดับดังต่อไปนี้

    1                     2                3                 4                   5                6
opinion      >      size    >     quality     >     age     >      shape    >    colour   
      7                     8                 9                     10                        11
 participle    >     forms     >    origin     >    material type     >    purpose

http://www.muslimnakhon.com/view/index.php?topic=58.0

การเรียงลำดับคำคุณศัพท์ในประโยคภาษาอังกฤษ



การเรียงลำดับคำคุณศัพท์เพื่ออธิบายคำนามในประโยคภาษาอังกฤษ นั้นมีความสำคัญที่เดียวครับ โดยเฉพาะเมื่อเราใช้คำคุณศัพท์ตั้งแต่สองคำขึ้นไปเพื่อขยายคำนามนั้นๆ
ยกตัวอย่างเช่น
เราจะไม่เขียนว่า An old Indian beautiful carpet.  แต่จะเขียนว่า A beautiful old Indian carpet.  ทำไมนั่นหรือครับเพราะ

ตามกฎโดยทั่วไปแล้ว คำคุณศัพท์ในภาษาอังกฤษ จะเรียงลำดับดังต่อไปนี้ครับ

    1                     2                3                 4                   5                6
opinion      >      size    >     quality     >     age     >      shape    >    colour   
      7                     8                 9                     10                        11
 participle    >     forms     >    origin     >    material type     >    purpose

ดังนั้นวลีที่ว่า  A beautiful old Indian carpet.  เรียงตาม Guidelines ได้ดังนี้ครับ

              3                   4              9
           quality            age         origin        noun
  A     beautiful           old         Indian       carpet.

และถ้าเราจะเพิ่มคำว่า Red and green เข้าไปในวลีนี้ ก็ได้ดังนี้ครับ
       
               3                  4                6                     9
          quality             age            colour              origin         noun
  A     beautiful           old      red and green       Indian       carpet.

บางครั้งเราต้องรู้ว่าคำคุณศัพท์ คำไหนมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับคำนามในประโยคมากที่สุด เช่น  A large comfortable wooden chair. คำคุณศัพท์ wooden มีความสัมพันธ์กับคำนาม chair มากที่สุด ดังนั้นเราจึงวางไว้ใกล้กันดังนี้

             2                  3                    10   
          size             quality          material type       noun
    A  large           comfortable       wooden            chair.     

ตัวอย่างเพิ่มเติม

              3                          7
           quality                participle         noun
   A        new                  improved        recipe

                1                         3                 10
           opinion                 quality       material type            noun
  An   old-fashioned         romantic       candle-lit         dinner for two.   

การใช้   but   เพื่อเชื่อมคำคุณศัพท์ที่แสดงความขัดแย้งกันเพื่ออธิบายคำนามนั้น เช่น
               
              2                             3
            size                        quality            noun
     A    small        but            tasty             meal.

และหากเราใช้คำคุณศัพท์สองคำที่มีความหมายทำนองเดียวกัน หรือ คล้ายคลึงกันมาอธิบายคำนามนั้น เรามักจะวางคำคุณศัพท์ที่สั้นกว่าไว้ก่อนเสมอ  เช่น

A soft, comfortable cushion.  อย่างนี้เป็นต้น

เขียนโดย       Chatherine  Chapman  ศิลปศาสตร์บัณฑิต  ( เกียรตินิยม )
                    Communication Studies, CTEFLA, DELTA
                    ปริญญาโท  Educational Technology and English Language Teaching
                    Manchester University (UK)
ที่มา              www.bbclearningenglish.com
แปลโดย        ทีมงาน http://www.muslimnakhon.com